วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

แนะนำ E-book



             เว็บไซต์ที่จะนำมาแนะนำในบทความนี้คือ   http://elibrary.trf.or.th  ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับ e-book ที่รวบรวมเกี่ยวกับงานวิจัยทางด้านต่างๆ  โดยรวบรวมงานวิจัยไว้ตามหัวข้อ ดังนี้


  •  10 งานวิจัยที่ดาวน์โหลดมากที่สุด
  • งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น งานเชิงพื้นที่ และงานวิจัยระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
  • งานวิจัยและพัฒนา และงานวิจัยวิชาการ
  • งานวิจัยเกษตร
  • องค์ความรู้ใหม่
  • สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
  • สิ่งแวดล้อมและพลังงาน
  • สุขภาพ
  • อุตสาหกรรม
  • ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • งานวิจัยเพื่อพัฒนาทั้งพื้นที่
  • นวัตกรรมสถาบัน
  • ระบบการเมือง/ปกครอง
  • ทรัพยากร
  • สวัสดิภาพ
  • สภาวะแวดล้อมทางสังคม
  • กลุ่มคนเป้าหมาย
  • การท่องเที่ยว
  • นักวิจัยรุ่นเยาว์
  • อื่นๆ


 สำหรับขั้นตอนการดาวโหลด มีขั้นตอง่ายๆ ดังนี้



1. เข้าไปที่เว็บ http://elibrary.trf.or.th


                 


2. ค้นหาข้อมูลงานวิจัยที่ท่านต้องการด้านขวาของเว็บไซต์


                    


3. เมื่อปรากฏหน้าจอแสดงผลการค้นหาให้คลิ้กเลือกงานวิจัยที่ต้องการ



                    


4. เข้าสู่หน้าจอแสดงข้อมูลขั้นต้นของงานวิจัย ท่านสามารถเลือกเปิดดูบทคัดย่อ(Abstarct) หรืองานวิจัยฉบับสมบูรณ์(*เฉพาะสมาชิกที่ล็อกอิน)


                    



5. หากจะต้องดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ท่านจะต้องสมัครสมาชิกและล๊อกอินเข้าสู่ระบบก่อน สมัครสมาชิกใหม่ที่นี่ 


       


6. เมื่อท่านสมัครสมาชิก และล๊อกอินเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว หน้าต่างจะแสดงข้อมูล ให้ท่านกรอกวัตถุประสงค์ของการนำงานวิจัยไปใช้



7. หน้าจอจะปรากฎชื่อและขนาดของไฟล์ที่ต้องการดาวน์โหลดคลิ๊กที่ชื่อไฟล์





8. หน้าจอจะแสดงปุ่ม Download ให้คลิ้กที่ปุ่ม จากนั้นกรุณารอสักครู่เพื่อทำการดาวน์ไฟล์ข้อมูลงานวิจัยมายังเครื่องของท่าน
















วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษา


  

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน







 แนวโน้มวิธีการเรียนรู้ของนักเรียนนักศึกษาในอนาคตดูแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คือจะเน้นตัวผู้เรียนเป็นหลัก แทนการเน้นตัวผู้สอนที่สอนนักศึกษาจำนวนมากพร้อมกันทั้งห้อง ซึ่งเป็นวิธีที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อประมาณสองศตวรรษก่อน วิธีการเรียนในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นี้จะเป็นการเรียนรู้แบบสร้างประสบการณ์โดยเน้นให้นักศึกษาค้นพบด้วยตัวเอง (Learning by Discovery) เป็นการศึกษาที่นักศึกษาจะเรียนรู้ว่าจะเรียนรู้เองต่อไปได้อย่างไร (Learning How to Learn) ที่เป็นดังนี้ได้ เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทำงานมัลติมีเดียจะทำให้เราสามารถกลับไปใช้ระบบที่อาจารย์ทำหน้าที่สำคัญในการสอน และชี้นำนักศึกษาเป็นรายบุคคล คอมพิวเตอร์จะช่วยให้อาจารย์ไม่ต้องทำงานซ้ำๆกันในการสอนกิจกรรม  อย่างง่าย และสามารถใช้เวลามากขึ้นกับนักศึกษาที่ต้องการความเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ การศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี (Technology Aided Education) มีข้อได้เปรียบหลายประการคือ
          - การเรียนรู้เป็นแบบโต้ตอบกัน
          - นักศึกษาจะเรียนรู้ได้ในอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับตนเอง
          - การเรียนรู้จะเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ โดยผ่านระบบการเรียนทางไกล (Distance Learning) ที่ต่อโยงผู้เรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียไปยังศูนย์การศึกษา
          - อุปกรณ์ประกอบการเรียนจะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น เพราะจะมีทั้งอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง และการต่อโยงของเนื้อหาในแบบไฮเปอร์มีเดีย (Hypermedia) ซึ่งช่วยให้นักศึกษาสามารถถามถึงสิ่งที่ตนสนใจต่อโยงกันไปได้เรื่อยๆโดยไม่ถูกจำกัดให้เห็นเฉพาะส่วนที่กำหนดไว้



          วิธีการเรียนรู้เช่นนี้จะมีใช้ในทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา รวมทั้งระดับการฝึกอบรมวิชาชีพต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้ วิธีการสอนเช่นนี้ก็ทำให้สามารถรวมเนื้อหาของวิชาที่เกี่ยวเนื่องกัน (Content Integration) ให้สามารถสอนไปพร้อมกันเช่น สามารถสอนเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ วิชาการเงิน และวิชาจริยธรรม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกันไปพร้อมกัน แทนที่จะต้องสอนแยกกันเป็น 3 วิชา ซึ่งจะทำให้เข้าใจยาก เช่น การประยุกต์ใช้งานเนื้อหาส่วนที่เป็นเรื่องของจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานด้านการเงิน เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีหลายกรณีที่สามารถทำการทดสอบผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังศูนย์การศึกษา ซึ่งสะดวกต่อการวัดผลการเรียน และการกำหนดมาตรฐานคุณภาพของการศึกษาในระบบการสอบด้วยคอมพิวเตอร์แบบมาตรฐาน (Computerbased Uniform Testing) นักศึกษาที่เรียนรู้ได้ช้าก็สามารถเรียนต่อเนื่องไปได้โดยใช้เวลามากขึ้นขณะที่นักเรียนที่เรียนรู้ได้เร็ว ก็สามารถก้าวหน้าไปได้เร็วขึ้น แทนที่จะต้องรอขึ้นชั้นใหม่พร้อมกันทุกคน การสอบก็สามารถทำได้เมื่อนักศึกษาพร้อมที่จะสอบ โดยตัวข้อสอบจะถูกสร้างขึ้นใหม่สำหรับนักศึกษาแต่ละคน เป็นการตัดปัญหาการทุจริตหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในห้องสอบ

          สำหรับปัจจุบันตามสถาบันการศึกษาต่างก็มีนโยบายที่จะนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการเรียนการสอน เพื่อเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา ช่วยให้นักศึกษาสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยทำในรูปแบบของ E-Learning ซึ่งมีการนำเอาโปรแกรมต่าง ๆ เข้ามาช่วยพัฒนา เช่น Moodle หรือ Scorm เป็นต้น และการเรียนรู้แบบนี้ยังช่วยในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน คือ
         1. ทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือล้นอยากจะเรียนมากขึ้นเพราะใช้สี่อที่ทันสมัย
         2. ทำให้ผู้เรียนมีความกล้าที่จะแสดงคิดเห็น กล้าที่จะพูดมากยิ่งขึ้น
         3. ทำให้ผู้เรียนสามารถก้าวทันเทคโนโลยี และสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ได้

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการสาธารณสุข

การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ได้มีการนำมาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทำงาน การศึกษาหาความรู้ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันดีขึ้น นอกจากนี้หน่วยงานราชการต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีสารสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการติดต่อประสานงานกับทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางด้านการโรงแรม และการท่องเที่ยว ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และบริการลูกค้าผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันเหตุการณ์

สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึงการนำเทคโนโสยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์หรือด้านสาธารณสุข

การประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขและการแพทย์ 

     
    เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้งานด้าน สาธารณสุขเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการบริหารงาน และนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานต่างๆ ดังนี้  
   - ด้านการลงทะเบียนผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มทำบัตร จ่ายยา เก็บเงิน
   - การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถสร้างเครือข่ายข้อมูลทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ป่วย
   - สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร หรือภาพเพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ได้ 
   - เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรู้แก่ประชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ได้ผลขึ้น โดยสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นต้น

   - เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดนโยบาย และติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องฉับไว และข้อมูลที่จำป็น ทั้งนี้อาจใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ ทำให้การบริหารเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
   - ในด้านการให้ความรู้หรือการเรียน การสอนทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะดาวเทียม จะช่วยให้การเรียนการสอนทางไกล ทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุข เป็นไปได้มากขึ้นประชาชนสามารถเรียนรู้พร้อมกันได้ทั่วประเทศและ ยังสามารถโต้ตอบหรือถามคำถามได้ด้วย
  - ในด้านการวินิจฉัยโรค เราอาจใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ เช่น เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น



วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เกี่ยวกับฉัน

นางสาวเกศกมล  วรรณคะนึง
คณะวิทยาลัยพยาบาลและสุขภาพ
สาขาพยาบาลศาสตร์
E-mail : ked1915@hotmail.com
            kwg439@gmail.com